บัญญัติศัพท์ใหม่ Production staff หรือพนักงานฝ่ายผลิต

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เค้านอนเราตื่นเค้าตื่นเรานอน

เหนื่อยมากมายมหาศาล
ไม่มีเวลามาอับเดตข้อมูลเลย อาทิตย์ที่ผ่านมา
วันนี้วันหยุดแต่ขอบอกว่าเพิ่งกลับมาตอน แปดโมงเช้ายังไม่ได้นอนเลย
ลืมตัวซัดกาแฟไปแก้วหนึ่งคราวนี้ไม่หมดฤทธิกาแฟก็คงไม่ต้องนอนกันพอดี
มีเรื่องมากมายที่จะมาเล่าให้ฟัง ครบเครื่องเลยทีเดียว
อร่อยเหาะแน่นอน เพราะมีเรื่องกันได้มีเรื่องกันดีได้ทุกวี่ทุกวัน
จนผู้เขียนเองชักจะหวาดๆ กับตำนานที่มีกันมานาน หุหุ

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

คืนแรกของการอยู่ดึก

ปกติผู้เขียนก็นอนดึกอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาเรื่องที่จะอดหลับอดนอนเท่าไหร่
แต่ที่มันมีปัญหานี่คือยืนทั้งคืนนี่สิ
คืนแรกที่เข้ามาไปรายงานตัวกับหัวหน้าสายกลางคืน
"คุณมาทำไรที่นี่" นี่คือคำถามแรกที่หัวหน้าสายงานถาม
"มาอดนอนค่ะ"  ผู้เขียนตอบแบบกวนๆกลับไป ได้ผลงับ งานนี้มีฮาๆๆๆๆ(คริคริ)
ดีค่ะหัวหน้างานใจดีไม่เรื่องมาก ส่วนงานก็เข้าแผนกเดิมแต่เปลี่ยนเป็นกลางคืน
เพื่อข้างๆก่อนเริ่มงานเค้าเตื่อนไว้ว่า ให้ก้มหน้าก้มตาทำงานไปแปบเดียวก็ได้พักแระ เพราะเค้ารู้ว่ามาใหม่ (เค้าทำมา 3ปีแระคนนั้นนะที่บอกมานะ)
ก็ว่าจะทำตามที่คนทำมาก่อนเตือนอะนะแต่ทำไม่ได้
ยิ่งห้ามก็เหมือนยุ ให้ตายเถอะโรบิน ผู้เขียนมองนาฬิกาทุก5 นาที
คืนทั้งคืนมันช่างยาวนาน เหมือนมันผ่านไปแล้ว 3คืนงั้นแหละ

ตอนอยู่บ้านเล่นเกมเผลอแปบเดียวตี 2แระ ยังเล่นไม่สะใจเลย
แต่พอมาทำงานกะดึก ความรู้สึกมันช่างสวนทางกันจริงๆ
คิดถึงที่นอนขึ้นมาตะงิดๆ คิดถึงลูกกะสามีจริงๆ

กะดึก (Night shift)

เพิ่งทำงานได้วันแรกก็มีการเปลี่ยนแปลงซะแระ
หัวหน้าสายงานเดินมาถามผู้เขียนว่า
" เธอเข้ากะได้มะ"
"ได้ค่ะ. ผู้เขียนตอบ
"งั้นพรุ่งนี้เธอไม่ต้องมานะกลางวันเธอมาลงกลางคืนเลย" หัวหน้าสาย
ผู้เขียนพยักหน้าหงึกๆ ยังงอยู่ว่ามันคืออะไร ก็เลยหันไปถามคนข้างๆ เค้าอธิบายให้ฟังแถมมาว่าผู้เขียนโง่อีก ว่าลงกะกลางคืนทำมาย เอ่อเอากะเค้าสิ
เช้า-จากเข้างาน 8.00-17.00 น.ถ้าไม่มีโอถ้ามีโอที ก็จะเป็น 8.00-20.00 น. (ยืนทำงาน)พัก เที่ยง 45 นาที

ดึก- เข้า 20.00 - 05.00 น. ถ้ามีโอที 20.00-08.00 น. คือกลับเช้าของอีกวัน (ยืนทำงาน)
พัก 1ชั่วโมง คือ เที่ยงคืนถึง ตี 1

บัญญัติศัพท์โอที
คำว่า OT หรือ Overtime หรือที่เราเรียกกันว่า "ค่าล่วงเวลา" หรือ "ค่าโอ"

ผู้เขียนตายแน่กร๊ากๆๆๆที่แน่ๆผัวด่า 555+

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แรกเริ่มก่อนมาเป็น Production staff(สาวโรงงาน)

หุหุ เป็นอะไรที่นอกเหนือความคาดหมายจิงๆชีวิต

ตอนนี้ผู้เขียนอายุ 28 จบปริญญาด้านคอมพิวเตอร์ เคยทำงานบริษัทที่มีเงินเดือนสูงมาก่อน

แต่วันหนึ่งชีวิตมาถึงจุดผลิกผันอย่างแรง(ความจริงก็ไม่มีอะไรนะแค่ธุรกิจที่ทำมีปัญหาด้านการเงิน)

3 ปีที่ทำธุรกิจส่วนตัว เป็นช่วงที่เกิดวิกฤติมากมาย(การเมืองเป็นต้น)ผลพลอยได้ทำให้ธุรกิจฝืดด้วย หรือเปล่านะ

ผู้เขียนก็เลยตัดสินใจหางานทำอีกครั้งทั้งที่เคยปฏิญาณไว้ว่าจะไม่มีวันกลับเข้าไปในวงจร ตื่นเช้าเย็นกลับอีก แต่ขอกลืนน้ำลายตัวเองก่อนนะ(หุหุ) ไปสมัครงานตามออฟฟิศต่างๆแล้วละ แต่ยุคนี้สู้เด็กฝากหรือเด็กเส้น(Children line) ไม่ได้จริงๆถึงจะมีประสบการณ์ ประสบการณ์ไม่ได้ช่วยอะไรเลย (เซงจิต)

หางานอยู่ 2เดือน ขอย้ำว่าคนอายุ 28 อย่างผู้เขียน และมีประสบการณ์ หางานอยู่ 2เดือนเต็มๆ

จนถอดใจความจริงไม่ได้เรียกเงินเดือนสูงเลยนะ เรียกน้อยด้วยซ้ำไป แถมธุรกิจก็ฝืดมากๆ(ลืมบอกไปทำร้านเน็ตนะ) จนมาเจอป้ายประกาศรับสมัครพนักงานฝ่ายผลิต(สาวโรงงาน)คริคริ

ก็เลยปิ้งขึ้นมา เห่อๆ ขอสักครั้งเถอะนะอย่างน้อยก็พอมีเงินมาหมุนเวียนไปก่อน คิดได้ตัดสินใจเอาวุฒิปริญญานี่แหละไปสมัคร หลังจากนั้นก็ติดตามตอนต่อไปนะ

First day of the production staff.วันแรกแห่งการทำงาน

เหนื่อย ขอย้ำเลยว่าเหนื่อยมาก
แค่วันแรกในการทำงานรู้สึกเหมือนกับว่ามันทำมาแล้ว 10 ปี(จริงๆ)
โรงงานที่ทำทำเกี่ยวกับตู้เย็นส่งออก ครั้งแรกที่เข้ามาในโรงงาน ทำมายคนเยอะจัง
ถ้าใครคิดไม่ออกว่าในโรงงานมีสภาพเป็นอย่างไร
เดี๋ยวจะค่อยๆอธิบายให้ฟังนะ เข้าเรื่องก่อน
ผู้เขียนถูกส่งเข้ามาใน แผนกทำฝา แต่มันมีหลายหน้าที่นะผู้เขียนได้ทำหน้าที่แกะพลาสติก
ออกจากฝาที่เครื่องจักรส่งออกมา(ส่งต่อมาจากแผนกอื่น) งงมะ
เอ่อ ผู้เขียนเข้างาน แปดโมงเช้า สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนแทบถอดใจในวันแรกคือการยืนทำงาน
โอ้พระเจ้า  เข้างาน แปดโมง ยืนงานนี้มีแต่ยืน ยืนแข่งกับเครื่องจักรที่คอยป้อนงานออกมา
ฝามันจะไหลออกมาตามสายพานทุกระยะ 1 นาที จะมีฝาไหลออกมาประมาณ   30 ฝาต่อ 1นาที
ผู้เขียนแทบลมจะจับใส่ แต่ก็มาแล้วจะถอดใจก็ไม่ใช่ผู้เขียนอีก เดี๋ยวจะคำณวนเวลาที่ยืนให้ท่านผู้อ่านลองคำนวนเอาเองนะแล้วจะเข้าใจผู้ที่ทำงานโรงงานมากขึ้นว่าเค้าเหล่านี้มีความอดทนมากขนาดใหน
ติดตามเวลาในตอนต่อไปนะจร้า